“ฉลามชล” ที่ฟอร์มร้อนแรง แข่ง 2 นัด เก็บได้ 6 แต้มเต็ม จากการบุกไปชนะ นครราชสีมา มาสด้า เอฟซี 2-1 และกลับมาชนะ สุโขทัย เอฟซี ในบ้านไปขาดลอย 6-1
เริ่มเกมไปเพียงแค่ 3 นาที ทีมเยือนทำเกมสวนกลับ ศุภชัย ใจเด็ด หลุดเดี่ยวครึ่งสนาม ก่อนซัดชนเลสาไปเข้าทาง แฟรงค์ คาสตาเญดา ยิงซ้ำจ่อๆให้บุรีรัมย์ ออกนำเร็ว 1-0
ถัดมานาทีที่ 12 แฟรงค์ คาสตาเญดา จ่ายบอลให้ ศุภณัฏฐ์ เหมือนตา ยิงประตูที่สองพา บุรีรัมย์ออกนำ 2-0
หลังจากนั้นเพียง 2 นาที นฤบดินทร์ วีรวัฒโนดม จ่ายให้ ศุภณัฏฐ์ เหมือนตา ซัดด้วยขวาเป็นประตูที่สองของตัวเอง และเป็นประตูที่สามพาทีมเยือนนำห่าง 3-0
นาทีที่ 27 ศศลักษณ์ ไหประโคน ของบุรีรัมย์ ทำฟาวล์ ยู บยองซู ในกรอบเขตโทษ ผู้ตัดสิน ศิวกร ภูอุดม เป่าเป็นจุดโทษ ก่อนให้ใบเหลืองแก่ศศลักษณ์ อย่างไรก็ตามหลังจาก เช็กวีเออาร์ ผู้ตัดสินยกเลิกใบเหลืองและเปลี่ยนเป็นใบแดง ทำให้บุรีรัมย์ เหลือผู้เล่น 10 คน พร้อมเสียจุดโทษ และเป็น ดานิโล อัลเวส สังหารจุดโทษไม่พลาด ชลบุรีไล่ตามมาเป็น 1-3
หลังจากนั้นไม่มีประตูเพิ่มเติม ทำให้จบ 45 นาทีแรก เป็นทางทีมเยือน ปราสาทสายฟ้า ที่บุกมาออกนำเจ้าบ้าน ชลบุรี เอฟซี 3-1
เกมในครึ่งหลัง ทั้งสองฝ่ายยังคงเปิดเกมเข้าหากันอย่างต่อเนื่องก่อนที่นาทีที่ 58 เกมต้องหยุดลงชั่วคราว หลังผู้ตัดสินขอเช็กวีเออาร์ จากการที่ ศุภชัย ใจเด็ด ปะทะกับ ฉัตรมงคล เรืองฐณโรจน์ ในเขตโทษ สุดท้ายผู้ตัดสินให้ใบเหลืองกับศุภชัย และชี้ให้เจ้าบ้านชลบุรีได้จุดโทษที่สองของเกม และเป็น ดานิโล อัลเวส คนเดิมยิงจุดโทษให้ฉลามชลไล่มาเป็น 2-3
จากนั้นชลบุรีพยายามเร่งเกมหวังทำประตูตีเสมอ ในขณะที่ทางบุรีรัมย์ก็พยายามป้องกันและหาจังหวะสวนกลับ โดยเฉพาะจังหวะเตะมุมของ ธีราทร แต่ยังไม่ผ่านมือของ ชนินทร์ แซ่เอียะ ผู้รักษาประตูของชลบุรี
ทัพฉลามพยายามบุกอย่างหนักและมีหลายจังหวะที่ขึ้นมาถึงหน้าปากประตูของบุรีรัมย์ แต่จังหวะสุดท้ายยังไม่เฉียบคมพอ
สำหรับโปรแกรมนัดต่อไป ชลบุรี เอฟซี จะเล่นนัดตกค้าง พบกับ บีจี ปทุม ยูไนเต็ด ในวันพุธ ที่ 31 สิงหาคม ขณะที่ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด นัดต่อไปพบกับ บีจีเช่นกัน โดยจะแข่งขันในวันที่ 4 กันยายนนี้
ส่วนผลการแข่งขันในคู่อื่นๆ สุโขทัย เอฟซี เสมอกับ ขอนแก่น ยูไนเต็ด เอฟซี 0-0 และ ลำปาง เอฟซี แพ้ แบงค็อก ยูไนเต็ด 0-5
