เกมที่แอตฯ มาดริด บุกไปชนะราโย บาเยกาโน่ 2 - 1 เมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา เป็นการทำสถิติไร้พ่ายในลาลีกาติดต่อกันเป็นนัดที่ 12 ซึ่งในจำนวนนี้เก็บชัยได้ถึง 9 เกม และชนะรวดใน 5 เกมล่าสุด
เมื่อเทียบกับ 14 นัดแรกของฤดูกาล ก่อนพักเบรกช่วงฟุตบอลโลก อันดับคะแนนของแอตฯ มาดริด ยังอยู่นอกท็อปโฟร์ แต่หลังจากนั้นก็ตอบสนองได้อย่างยอดเยี่ยม จนขึ้นมาอยู่อันดับที่ 3 แล้ว
สถานการณ์บนตารางคะแนนในเวลานี้ แอตฯ มาดริด มีคะแนนมากกว่าทีมอันดับที่ 5 อยู่ 10 แต้ม ซึ่งมีโอกาสค่อนข้างสูงที่จะคว้าตั๋วเข้าร่วมแข่งขันยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก เป็นฤดูกาลที่ 11 ติดต่อกัน
เมื่อมาดู 12 นัดหลังสุดของเรอัล มาดริด สามารถคว้าชัยชนะได้แค่ครึ่งหนึ่ง เสมอและแพ้ อย่างละ 3 เกม ทำให้ทีมของคาร์โล อันเชล็อตติ ถูกแอตฯ มาดริด ทำคะแนนไล่จี้มาเหลือเพียง 2 แต้มเท่านั้น
โกเก้ กัปตันทีม “ตราหมี” ให้สัมภาษณ์หลังเกมชนะราโย บาเยกาโน่ว่า “เป้าหมายหลักของเรา คือการเข้าร่วมรายการยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก เพราะนั่นคือสิ่งที่เราต้องการมากที่สุด และก็ทำได้มา 10 ปีแล้ว”
“แต่เราควรตั้งเป้าหมายให้สูงขึ้นกว่าเดิม เรารู้ดีว่าการไล่ตามบาร์เซโลน่าเป็นเรื่องที่ยากมาก ตอนนี้เรามีเตะแค่สัปดาห์ละ 1 เกม ผมคิดว่าทีมของเรากำลังทำได้ดี และจะพยายามจบในอันดับที่ 2 ให้ได้”
“ตราหมี” ยุคซิเมโอเน่ จบในท็อปทรี 10 ซีซั่นติดต่อกัน
นับตั้งแต่ดิเอโก้ ซิเมโอเน่ เข้ามาเป็นเฮดโค้ชของแอตเลติโก้ มาดริด ในช่วงกลางฤดูกาล 2011/12 จบในอันดับที่ 5 ของตาราง แต่ 10 ซีซั่นหลังจากนั้น กุนซือชาวอาร์เจนไตน์ พาทีมจบอยู่ใน 3 อันดับแรกทุกครั้ง
ผลงานในลาลีกา 10 ซีซั่นหลังสุดของแอตฯ มาดริด ยุค “เอล โชโล่” แบ่งเป็นการคว้าแชมป์ 2 สมัย (2013/14 และ 2020/21), รองแชมป์ 2 ครั้ง (2017/18 และ 2018/19) ที่เหลืออีก 6 ครั้ง จบในอันดับที่ 3
แล้วถ้านับเฉพาะ 5 ฤดูกาลหลังสุด “ตราหมี” จบซีซั่นด้วยอันดับที่เหนือกว่า “ราชันชุดขาว” ถึง 3 ฤดูกาล ซึ่งการจบอันดับ 2 ในฤดูกาลนี้ ก็เป็นเป้าหมายที่ทีมของซิเมโอเน่คาดหวังไว้ว่าจะเกิดขึ้นอีกเป็นครั้งที่ 4
หวังสร้างความท้าทายในการลุ้นแชมป์ลีกซีซั่นหน้า
ใน 2 ฤดูกาลหลังสุด แอตเลติโก้ มาดริด หมดลุ้นแชมป์ลาลีกาแบบรวดเร็วเกินไป ทำให้ 10 นัดสุดท้ายของซีซั่นนี้ พวกเขาหวังจะเก็บแต้มให้มากที่สุด เพื่อวางรากฐานสำหรับการลุ้นแชมป์ลีกในซีซั่นหน้า
ในช่วง 12 นัดที่ไม่แพ้ใครในลีก กุนซือดิเอโก้ ซิเมโอเน่ ใช้แผนการเล่น 4-4-2 เป็นหลัก แต่ก็สามารถยืดหยุ่นได้ตามสถานการณ์ ทั้ง 4-1-4-1, 5-3-2 หรือกลับไปใช้ 3-5-2 ที่เคยประสบความสำเร็จเมื่อ 2 ซีซั่นก่อน
ฟูลแบ็ก 2 ข้าง ยานนิค การาสโก้ และนาฮูเอล โมลิน่า สามารถเติมเกมรุกได้ดี และยิงประตูได้เมื่อมีโอกาส ส่วนอองตวน กรีซมันน์ ถูกเปลี่ยนบทบาทมาเล่นมิดฟิลด์ ทำหน้าที่เชื่อมเกมระหว่างแดนกลางกับแนวรุก
ชัยชนะ 5 นัดหลังสุดของแอตฯ มาดริด ยิงรวม 13 ประตู จากนักเตะ 8 คน ประกอบด้วย เมมฟิส เดปาย, อองตวน กรีซมันน์, ยานนิค การาสโก้, อัลบาโร่ โมราต้า, โธมัส เลอมาร์, อังเคล กอร์เรอา, นาฮูเอล โมลิน่า และมาริโอ เอร์โมโซ่
ขณะเดียวกัน เกมรับของ “ตราหมี” ก็แข็งแกร่งมากขึ้น โดยสถิติไร้พ่าย 12 เกมล่าสุด พวกเขาเก็บคลีนชีตถึง 7 เกม และเสียไปเพียง 5 ประตู จากยาน โอบลัค, โฆเซ่ มาเรีย กิมิเนซ, สเตฟาน ซาวิช และเอร์โมโซ่
